เคล็ดลับในการเลือกซื้อน้ำหอม ที่ดีที่สุดสำหรับคุณผู้หญิง
- พื้นฐานของการเลือกน้ำหอม
น้ำหอมมีวงจรทั้งหมด 3 ส่วน ซึ่งกลิ่นทั้ง 3 ส่วนนั้นจะรวมเข้าด้วยกันเป็นน้ำหอม แน่นอนว่าเราไม่สามารถดมกลิ่นทั้งหมดในเวลาเดียวกันเพราะกลิ่นของน้ำหอมจะแบ่งออกเป็นชั้น ๆ ดังนี้ค่ะ
Top Notes : ส่วนแรกเรียกว่าท็อปโน้ต ท็อปโน้ตคือกลิ่นเริ่มต้นของน้ำหอมที่กระทบจมูกทันทีหลังจากฉีดลงบนผิว กลิ่นของมันจะอยู่ประมาณ 15 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหลังการทาหรือฉีด โดยปกติแล้วท็อปโน้ตจะเป็นกลิ่นของดอกไม้ ผลไม้และกลิ่นแป้ง บางครั้งผู้ผลิตก็เพิ่มกลิ่นของเครื่องเทศเข้าไปด้วยเพื่อให้มีความซับซอนมากขึ้น
Middle Notes : ส่วนที่สองคือกลิ่นกลางหรือมิดเดิ้ลโน้ต กลิ่นส่วนนี้เป็นหัวใจของน้ำหอมเลยค่ะ เพราะกลิ่นนี้จะออกมาเพียงครั้งเดียวและจะกระจายหรือจางหายไปโดยใช้เวลา 3 ถึง 5 ชั่วโมงหลังจากใช้งาน ส่วนใหญ่กลิ่นในมิดเดิ้ลโน้ตจะเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมมากอย่างกลิ่นดอกมะลิ กระดังงาและดอกแก้ว
Bottom Notes หรือ Base Notes : สุดท้ายเป็นส่วนที่สามค่ะซึ่งมันจะใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของน้ำหอมแล้ว กลิ่นของท็อปโน้ตจะทำให้น้ำหอมเด่นยิ่งขึ้น และถึงแม้ว่ามิดเดิ้ลโน้ตจะเป็นหัวใจของน้ำหอม แต่ส่วนที่สามนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดว่ากลิ่นจะติดทนนานแค่ไหนึ้ะ โดยปกติแล้วกลิ่นในส่วนนี้จะมีกลิ่นของวานิลลาหรือไม้จันทน์ซึ่งจะทนนานประมาณ 5 ถึง 10 ชั่วโมงตามชนิดของน้ำหอม
- เคล็ดลับในการเลือกซื้อน้ำหอม ประเภทของน้ำหอม
น้ำหอมเป็นสารสกัดที่ได้จากแหล่งธรรมชาติ เช่น ผลไม้ ดอกไม้หรือวัตถุดิบสังเคราะห์ เช่น อัลดีไฮด์ แต่ก่อนที่มันจะเป็นน้ำหอมเพื่อให้เราใช้งานกันมันเคยเป็น “น้ำมันหอมระเหย” มาก่อนและจากนั้นก็จะนำมาผสมกับตัวทำละลาย โดยปกติแล้วจะเป็นแอลกอฮอล์เพื่อให้ได้กลิ่นที่หอมและไม่ฉุนมากเกินไป ปริมาณของน้ำมันหอมระเหยที่ใส่ลงไปในน้ำหอมจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสม หากน้ำหอมมีปริมาณน้ำหอมระเหยที่มีความเข้มข้นสูงกลิ่นก็จะติดทนนาน โดยปกติแล้วปริมาณของน้ำมันหอมระเหยต่อการเจือจองจะมีตั้งแต่ 1-3% ถึง 20-30% ซึ่งแต่ละประเภทมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันดังนี้ค่ะ
กลิ่นซิตรัสฟลอรัล เป็นกลิ่นที่เน้นกลิ่นหอมหวานจากดอกไม้
Eau Fraiche (EF) ประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหย 1-3% ผสมกับตัวทำละลาย ใช้เวลาในการสลายตัวภายใน 1 ชั่วโมง
Eau de Cologne (EDC) หรือที่เรียกกันว่าโคโลญจน์ ประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหย 2-4% ผสมกับตัวทำละลาย ใช้เวลาในการสลายตัวประมาณ 2 ชั่วโมง
Eau de Toilette (EDT) ประกอบด้วยน้ำหอมเข้มข้น 5-15% ผสมกับตัวทำละลาย ใช้เวลาในการสลายตัวประมาณ 3 ชั่วโมง
Eau de Parfum (EDP) ประกอบด้วยน้ำหอมเข้มข้น 15-20% ผสมกับตัวทำละลาย ใช้เวลาในการสลายตัวประมาณ 5 ถึง 8 ชั่วโมง
Parfum ประกอบด้วยน้ำหอมเข้มข้น 20-30% ผสมกับตัวทำละลาย มักจะมีน้ำมันเพราะมีความเข้มข้นสูงและสามารถอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง
- เลือกกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
น้ำหอมแต่ละแบรนด์ จะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ราคาน้ำหอมแตกต่างกันไปตามประเภทของวัตถุดิบ ระดับความเข้มข้นและยี่ห้อที่ผลิต น้ำหอมที่มีราคาแพงไม่ได้แปลว่าส่วนผสมนั้นได้มาตรฐานหรือมีกลิ่นหอมในระดับที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามอย่าลืมเลือกกลิ่นที่เหมาะกับคุณและบุคลิกของคุณเพราะมันจะช่วยให้คุณโดดเด่นขึ้น คุณสามารถเช็กดูบุคลิกได้หากคุณเป็นสาวเซ็กซี่ให้เลือกกลิ่นของผลไม้ หากคุณเป็นสาวหวานสามารถเลือกกลิ่นของดอกไม้ได้ค่ะ
- ปริมาณของน้ำหอม
การเลือกปริมาณของขวดน้ำหอมนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเลือก เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณควรคำนึงถึงค่ะ เนื่องจากน้ำหอมมีการผลิตในขนาดขวดที่แตกต่างกันจึงมักวัดเป็นมิลลิลิตร (มิลลิลิตร) หรือออนซ์ (US fl. oz.) ดังนั้นเราขอแนะนำว่าหากคุณต้องการทดลองกลิ่นใหม่ขนาดของขวดที่ดีที่สุดควรจะมีขนาด 30 มิลลิลิตรหรือน้อยกว่านั้น หากคุณต้องการพกพาอย่างสะดวกในกระเป๋าน้ำหอมขวดขนาด 5 มล. หรือ 15 มล. ก็ถือว่ายอดเยี่ยมเพราะพกพาได้ง่าย ส่วนขวดขนาด 100 มล. (3.4 ออนซ์) นั้นเหมาะมากสำหรับกลิ่นของน้ำหอมที่คุณขาดไม่ได้และเหมาะสำหรับวางหรือใช้งานที่บ้านค่ะ
Allyoucansearch เว็บไซต์ข่าวสารและบันเทิงที่คุณต้องอ่าน
Category:
ใส่ความเห็น